เสื้อผ้าแฟชั่นในปัจจุบัน เผยให้เห็นผิวที่หลังมากขึ้น หากเราเป็นสิวที่หลัง และทิ้งจุดด่างดำ อาจจะลดความมั่นใจ ดังนั้นการดูแลแผ่นหลังให้ใส ดูสุขภาพดี ก็จะช่วยเพิ่มความมั่นใจในการแต่งตัวมากขึ้น วันนี้จึงพามารู้จักกับการดูแลสิวที่หลังกันค่ะ
สาเหตุ
สิวสามารถเกิดขึ้นได้ทุกบริเวณที่มีต่อมไขมัน (Sebaceous Gland) ต่อมนี้จะผลิตน้ำมันออกมา หากผลิตออกมามากจนเกินไป ประกอบกับเซลล์ที่ตายแล้ว เกิดการอุดตันรูขุมขน และหากมีการติดเชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อว่า C.Acne ก็จะทำให้เกิดสิวอักเสบมีหนองขึ้นมา ซึ่งบริเวณหน้าอกและหลัง ยังมีต่อมไขมันอยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้นจึงมีโอกาสในการเกิดสิวได้เช่นเดียวกับใบหน้า นอกจากการติดเชื้อแบคทีเรียแล้วยังมี เชื้อรา เชื้อยีสต์ ที่ก่อให้เกิดสิวที่หลังได้อีกด้วย
ปัจจัยกระตุ้น ที่ทำให้เกิดสิวที่หลัง
1. เมื่อย่างเข้าสู่วัยรุ่น ร่างกายมีการผลิตแอนโดรเจน ซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศชายมากขึ้น ฮอร์โมนนี้จะกระตุ้นการผลิตน้ำมันจากต่อมไขมันมากขึ้น ทำให้เกิดกระตุ้นการเกิดสิว
2. การเป็นภาวะกลุ่มอาการถุงน้ำรังไข่หลายใบ PCOS (Polycystic Ovary Syndrome) เป็นภาวะที่ร่างกายผลิตฮอร์โมนเพศชายมากผิดปกติทำให้เกิดผมร่วง สิวที่หน้าและที่หลัง
3. เกิดจากกรรมพันธุ์
4. การใช้ยาบางชนิด เช่น ยาสเตียรอยด์
5. การใช้เครื่องสำอางหรือแชมพู ที่มีสารก่อให้เกิดการอุดตันรูขุมขน
6. การระคายเคืองจากการใช้กระเป๋าสะพาย
การรักษาสิวที่หลัง
หากเป็นไม่มาก กล่าวคือเป็นสิวอุดตัน สิวหัวดำหรือสิวอักเสบ ที่ไม่ได้สร้างความเจ็บปวด ใช้กรดซาลิไซลิก จะช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว ทำให้สิวอุดตันหลุดลอกออกไป และทำให้สิวแห้งไวขึ้น นอกจากนี้ยังทำให้รอยสิวจางลงจากการผลัดเซลล์ผิว ซึ่งอาจเลือกผลิตภัณฑ์ในรูปแบบสเปรย์ เพราะสามารถใช้ได้ง่ายในบริเวณหลัง หากมีความกังวลหรือมีสิวอักเสบหลายจุด สามารถปรึกษาแพทย์ผิวหนังหรือเภสัชกร จ่ายยาในการรักษาสิวที่หลัง เพื่อลดการอักเสบของสิว เนื่องจากหากปล่อยไว้นาน จะทำให้รอยดำรักษายาก และอาจเกิดเป็นรอยแผลเป็นได้
การดูแลตนเองเพื่อลดการเกิดสิวที่หลัง
1. สวมเสื้อผ้าที่ไม่คับจนเกินไป อาจจะเลือกสวมผ้าฝ้าย เพื่อระบายอากาศได้ดี
2. หลังจากออกกำลังกาย ให้อาบน้ำทำความสะอาดร่างกาย และเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ทันที เพื่อป้องกันการสะสมของเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดสิว
3.เลือกใช้ผลิตภัณฑ์อาบน้ำและครีมบำรุง ที่ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน ซึ่งผลิตภัณฑ์จะระบุว่า Oil-free, Non-Comedogenic, Won’t clog pore, นอกจากนี้เลือกผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิว ปราศจากน้ำหอม แอลกอฮอลล์และสารระคายเคืองผิวอื่นๆ
4.ในช่วงที่เป็นสิวอักเสบ งดการขัดผิวเพื่อลดการระคายเคืองและอาจทำให้เกิดการอักเสบมากกว่าเดิม
5.ควรทาครีมกันแดดเป็นประจำ เนื่องจากการที่ผิวบริเวณหลังถูกแสงแดด จะทำให้รอยดำจางได้ช้ากว่าปกติ แนะนำให้ใช้สูตร Oil-free และ และระบุ Non-Comedogenic เพื่อลดการอุดตันรูขุมขน
6.รักษาความสะอาดของร่างกาย ไม่ควรสวมเสื้อผ้าซ้ำ และหมั่นซักผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ผ้าห่ม
7.หากเป็นสิวและทิ้งรอยให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ลดรอยสิว เช่น วิตามินบี 3 อาร์บูติน หรือสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินซี วิตามินอี เป็นต้น
เอกสารอ้างอิง
1. Back acne: How to see clearer skin. (2022). Retrieved 2 August 2022, from https://www.aad.org/public/diseases/acne/DIY/back-acne
2. Back acne: How to get rid of it and how to prevent it. (2022). Retrieved 2 August 2022, from https://www.medicalnewstoday.com/articles/318548#causes
สินค้าที่เกี่ยวข้อง
อ๊อกซี่เคียว บอดี้แอคเน่สเปรย์ 25 มล.
คลิก >> https://bit.ly/3BJe2Q1