ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ เป็นเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลอง มีจัดงานปาร์ตี้ งานเลี้ยงสังสรรค์ หนีไม่พ้นการฉลองด้วยเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่หลังจากสนุกสนานกับการดื่ม ก็ต้องเผชิญความทรมานจากอาการเมาค้าง หรือ Hangover นั่นเอง
อาการเมาค้าง - จะเกิดขึ้นหลังจากหยุดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไปแล้วหลายชั่วโมง และอาการจะหนักที่สุดเมื่อระดับแอลกอฮอล์ในเลือดลดลงเป็นศูนย์ อาการที่พบได้บ่อยได้แก่ อ่อนเพลีย ปวดหัว ตาแดง ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ กระหายน้ำ คลื่นไส้อาเจียน ปวดท้อง บางคนมีอาการมือสั่น เหงื่ออก หากตรวจร่างกายจะพบว่าความดันโลหิตสูง ชีพจรเต้นเร็ว ซึ่งเป็นสาเหตุหลักๆที่ทำให้คนวัยทำงานต้องขาดงาน เนื่องจากสภาพร่างกายไม่พร้อมกับการทำงาน และเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
สาเหตุ ของการเกิดอาการเมาค้าง เกิดได้จาก
1. ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์โดยตรง คือ
- ภาวะขาดน้ำ และการสูญเสียเกลือแร่ จากการปัสสาวะมากเพื่อขับแอลกอฮอล์ ทำให้เกิดอาการกระหายน้ำ อ่อนเพลีย เวียนศีรษะ
- อาการปวดท้อง คลื่นไส้อาเจียน จากการระคายกระเพาะและกรดในกระเพาะหลั่งมากขึ้นจากแอลกอฮอล์
- อ่อนเพลีย ไม่มีแรง และหงุดหงิด จากระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ โดยแอลกอฮอล์มีผลต่อตับและตับอ่อน
- อาการปวดศีรษะ โดยเฉพาะในช่วงทีแอลกอฮอล์ในเลือดยังสูงมาก ทำให้หลอดเลือดขยายตัว
2. ผลของระดับแอลกอฮอล์ในเลือดลดต่ำอย่างมากหลังหยุดดื่ม คือ อาการมือสั่น เหงื่อออก ชีพจรเต้นเร็ว
3. ผลจากเมทตาโบไลท์ที่เกิดจากการเผาผลาญแอลกอฮอล์ เช่น อะเซตาลดีไฮด์ ทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน เหงื่อออก หน้าแดง
การบรรเทาอาการเมาค้าง
1. ดื่มน้ำมากๆ หากดื่มน้ำผลไม้ หรือรับประทานอาหารได้ ก็จะช่วยเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดได้ไว
2. นอนหลับพักผ่อน
3. สามารถใช้ยาบรรเทาอาการปวดศีรษะกลุ่ม NSAIDs โดนแนะนำปรึกษาเภสัชกรประจำร้านยา
4. การรับประทานวิตามินซี วิตามินบีรวม รวมถึง เกลือแร่ ช่วยเพิ่มระดับวิตามินและเกลือแร่ และกรดอะมิโนซีสเตอีน หรือ N-Acetylcysteine มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันการเกิดสารพิษจากการเผาผลาญแอลกอฮอลล์
5. กลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบรรเทาอาการเมาค้าง ซึ่งพบว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้มักจะมีส่วนประกอบของโปรตีนวิตามิน เกลือแร่ สารต้านอนุมูลอิสระและน้ำตาล ทำให้ช่วยเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด ลดอาการอ่อนเพลีย และช่วยในภาวะขาดน้ำ การสูญเสียเกลือแร่
แต่ทั้งนี้ทางออกที่ดีทีสุดเพื่อป้องกันอาการเมาค้างคือ หากต้องดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ควรดื่มแต่พอดี โดยในผู้หญิงไม่เกิน 1 แก้วต่อวัน และผู้ชายไม่เกิน 2 แก้วต่อวัน ทั้งนี้ยังขึ้นกับชนิดของแอลกอฮอล์ที่ดื่ม เช่น เบียร์ มี 5% แอลกอฮอล์ ควรดื่มไม่เกิน 360 มิลลิลิตร ขณะที่ ไวน์มี 12% แอลกอฮอล์ ควรดื่มไม่เกิน 150 มิลลิลิตร ส่วนสุรายิ่งมีปริมาณแอลกอฮอล์มากยิ่งขึ้น และไม่ควรดื่มตอนท้องว่าง และค่อยๆดื่ม ไม่ดื่มแอลกอฮอล์รวดเดียว และควรดื่มน้ำเปล่า 1-2 แก้ว ระหว่างการดื่มแอลกอฮอล์ และที่สำคัญคือเมาไม่ขับ
เอกสารอ้างอิง
1. Adobe Acrobat: PDF Edit, convert, sign tools (no date) Google. Available at: https://chrome.google.com/webstore/detail/adobe-acrobat-pdf-edit-co/efaidnbmnnnibpcajpcglclefindmkaj (Accessed: 22 November 2023).
2. 7 steps to cure your hangover (2023) Harvard Health. Available at: https://www.health.harvard.edu/staying-healthy/7-steps-to-cure-your-hangover (Accessed: 22 November 2023).
อัปเดตและติดตามสาระสุขภาพดี ๆ จาก ร้านยา เอ็กซ์ต้า พลัส ได้ที่
Website: https://exta.co.th/
LINE: @eXtaPlus (https://bit.ly/eXtaplus)
Instagram: instagram.com/extaplus
YouTube: youtube.com/eXtaHealthBeauty
หากมีข้อสงสัย หรืออยากสอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับสุขภาพและการใช้ยาสามารถปรึกษากับเภสัชกรได้ที่ร้านยา เอ็กซ์ต้า พลัส ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือสะดวกมากยิ่งขึ้น สามารถปรึกษาเภสัชกรร้านยา เอ็กซ์ต้า พลัส ผ่าน Application ALL PharmaSee ได้ตลอด 24 ชั่วโมง มาสุขภาพดีไปด้วยกันนะคะ